บริการของเรา
การดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล ธุรกิจต่างใช้ระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) ที่สามารถขยายพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้ การเลือกใช้ซอฟต์แวร์อย่างโอเพ่นซอร์ส (Open source หรือ OSS) ซึ่งมีความยืดหยุ่นต่อการใช้งานเช่นกัน จึงเหมาะต่อการประยุกต์ใช้ร่วมกันระหว่าง Cloud Computing กับ OSS ในการสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันเชิงธุรกิจ และการดำเนินงานภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพได้หลายประเด็น ดังนี้
1.ประหยัดต้นทุน ลดค่าใช้จ่ายเนื่องจากการใช้ Cloud Computing กับ OSS สามารถปรับใช้งานได้ฟรี ช่วยให้ธุรกิจบริหารงบประมาณได้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังรองรับการขยายระบบได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายซอฟต์แวร์ที่เพิ่มขึ้น
2.ความยืดหยุ่นต่อการใช้งาน สามารถปรับแต่งโค้ดได้อย่างอิสระเพื่อตอบโจทย์ความ
ต้องการเฉพาะขององค์กร โดยเฉพาะในระบบคลาวด์ที่แต่ละองค์กรมีเงื่อนไขเฉพาะด้านการขยายระบบ และเพิ่มความยืดหยุ่นที่ช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ปรับตัวและเติบโตไปพร้อมกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือความปลอดภัยการปรับแต่งซอฟต์แวร์จึงกลายเป็นข้อได้เปรียบสำคัญต่อการแข่งขันเชิงธุรกิจ
3.ลดการผูกขาดจากผู้ให้บริการ (Vendor lock-in) เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งเมื่อใช้ระบบCloud Computing แบบลิขสิทธิ์ เมื่อองค์กรสร้างโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์โดยพึ่งพาแพลตฟอร์มจากผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่ง และในส่วนของ OSS ที่สามารถเข้าถึงโค้ดได้อย่างอิสระช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาผู้ให้บริการเดียวและทำให้ธุรกิจมีการควบคุมกลยุทธ์ด้านไอทีในระยะยาวได้อย่างมั่นคง
4.การสนับสนุนจากชุมชน การใช้ OSS ช่วยมักมีชุมชนนักพัฒนาและผู้สนับสนุนที่กว้างขวาง ช่วยให้เกิดการแบ่งปันความรู้และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีการพัฒนาเอกสารและคู่มือที่ช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้รวดเร็ว
5.ความโปร่งใสและความปลอดภัย ถือเป็นปัจจัยสำคัญในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะกับธุรกิจที่เลือกใช้ซอฟแวร์ OSS บน Cloud ซึ่งโค้ดของซอฟต์แวร์สามารถตรวจสอบได้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าซอฟต์แวร์มีความปลอดภัยและไม่มีการฝังโค้ดที่ไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยและนักพัฒนาทั่วโลกสามารถตรวจสอบและแก้ไขจุดบกพร่องได้อย่างรวดเร็ว
เห็นได้ชัดว่า การใช้ Open source หรือ OSS บนCloud Computing ช่วยให้ธุรกิจผสานรวมเทคโนโลยีหลากหลายได้อย่างไร้รอยต่อเนื่องจาก OSS มีจุดเด่นคือความยืดหยุ่นและสามารถทำงานได้บนทุกแพลตฟอร์ม จึงสามารถทำงานร่วมกับ Cloud ได้อย่างมีประสิทธิภาพช่วยเสริมศักยภาพโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่แข็งแรง คุ้มค่า ปลอดภัย
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
วันที่ 24 ม.ค. 2568
การพัฒนาเทคโนโลยีและการเติบโตของธุรกิจทำให้เกิดช่องโหว่ในการโจมตีทางไซเบอร์ องค์กรจึงจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันภัยคุกคาม จากผลสำรวจของ Gartner พบว่าในปี 2024 องค์กรทั่วโลกมีค่าใช้จ่ายด้านการรักษาความปลอดภัยแบ่งเป็น 41.2% สำหรับคลาวด์, 33.1% สำหรับคลังข้อมูล, 16.8% สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน, 12.6% สำหรับการจัดการความเสี่ยงทั่วไป และ 11.4% สำหรับบริการด้านความปลอดภัย โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยของข้อมูลทั่วโลกจะสูงถึง 10.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2025 โดยมีประเด็นที่น่าจะตามองกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ดั้งนี้
บทความ
วันที่ 22 ม.ค. 2568
การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในอุตสาหกรรมทั่วโลกมีอิทธิพลต่อการยอมรับและการนำไปใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจาก AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและขีดความสามารถทางการแข่งขันขององค์กร การเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI เป็นสิ่งสำคัญในการใช้ข้อมูลอย่างถูกต้องและปลอดภัย โดยสนับสนุนการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ การปรับขนาดตามความต้องการ การทำงานร่วมกันระหว่างทีมอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยรับประกันความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ถูกป้อน โดยมีกลยุทธ์ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ดังนี้
บทความ
วันที่ 20 ม.ค. 2568
โอกาสในการสร้างกำไร จากการทำงานที่มีประสิทธิภาพในโลกธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลง ปรับตัวเพื่อการเติบโตด้วยระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning หรือ ERP) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุตามเป้าหมายได้อย่างราบรื่น
บทความ